เรื่องเล่า/เรื่องจริง #คนต่อนก ตอนที่ 9
เราส่องไฟไปทางกระท่อมร้างแต่ไม่เห็นอะไร..เงานั้นหายไปแล้ว..ผมรู้สึกกลัวมากๆๆ...ขณะที่เราเก็บของอยู่เพื่อจะกลับไปนอนที่ด่านปริง...อยู่ๆที่แนวป่าก็ได้ยินนกเขาป่าร้องขึ้นมาอีก..กรุกกรู๊กรู๊กุกกุกกุกกุกกุกกุกกุกกุกกุกกุกกุกกุก..ทุกคนหยุดชะงักเอียงหูฟัง..."12กุกอีกแล้ว"ลุงเวชบอก...ทุกคนรีบวางของ..นกเขา12กุกอีกตัวส่งเสียงขัน...มีนสุดยอดไปเลย..ถ้าได้12กุก2ตัว..เรามีเงินเพียบแน่นอน..."นอนนี่ละคืนนี้"ลุงวีบอกพร้อมปลดผ้าที่คลุมกรงนกต่อออกมาพร้อมไปต่อนก.."เดี๋ยวๆพี่วี"พ่อทักขึ้นมา"ผมว่ามันแปลกๆนะ..นกเขาอะไรขันค่ำๆป่านี้..มันควรจะนอนแล้วซิ"พ่อทักท้วงขึ้นมา...ลุงวีและคนอื่นหยุดครู่นึง..เหมือนจะเห็นด้วยกับที่พ่อทักมา...แต่ลุงวีหยิบกรงต่อขึ้นมา.."ช่างเถอะถ้าได้อีกตัวเราจะรีบกลับ"ลุงวีกับลุงเวชเดินส่องไฟหายไปทางพุ่มไม้...เราจึงผูกเปลนอนกัน...พ่อนำถ้วยจานไปทิ้ง..ก่อนจะหุงข้าวใหม่อีกรอบ..และเอาไก่ป่ามาย่างเพื่อรอกินกัน...ผมกับน้านพก่อไฟเพิ่มอีกหลายกองโดยเฉพาะทางฝั่งกระท่อมที่เราเพิ่งเห็นอะไรมาสดๆร้อนๆ...บุญมีนอนคว่ำอยู่หันทางไปทางริมน้ำ..มันนอนนิ่งๆ..เหมือนจ้องอะไรอยู่...เราผูกเปลสูงกว่าปรกติและอยู่ติดๆกัน..ห่างกันแค่ศอกกว่าๆ..จะขึ้นเปลนั้นต้องปีนต้นไม้ขึ้นไปอีกที...แล้วกางผ้ายางไว้บนเปลกันน้ำค้าง...เราก่อไฟกันควันฟุ้งไปหมด...เวลาผ่านไปจนพลบค่ำ...พระจันทร์โผล่ขึ้นบนท้องฟ้า..."เวรละ..วันพระ!!"พ่ออุทานขึ้นมา...วันพระ!!...แล้วไงหว่า...เราก็ไม่เข้าใจ...ทำไมพ่อก่อไฟเพิ่มขึ้นจนเป็นวงกลมล้อมรอบที่เราพัก...น้านพก็ช่วยพ่อก่อไฟ...เหมือนรู้ว่าไฟนั้นจำเป็นมากๆ...พ่อบอกให้ผมเลื่อนเปลให้สูงขึ้นอีก..ผมก็ทำตามที่พ่อบอก..พร้อมขัดห้างเล็กๆให้บุญมีไว้นอน...เวลาผ่านไปพักใหญ่เรานั่งกันอยู่ด้านล่าง...แสงจันทร์คืน15ค่ำสาดส่องไปทั่วบริเวณ...ลุงวีกับลุงเวชกลับมา.."ไม่ได้"ลุงวีบอกพร้อมวางกรงนกต่อลงและคลุมผ้าไว้..."กินข้าวก่อนดีกว่าได้ขึ้นไปนอน"น้านพบอก.."แปลก..ได้เสียงขันใกล้ๆแต่ไม่เห็นตัว"ลุงวียังข้องใจนกเขา12กุกตัวที่2..."หรือมันจงใจจะให้เรานอนที่นี่"พ่อพูดขึ้นมา..ทำให้เรามองหน้ากัน...เรานั่งกินข้าวกันและผลัดกันไปสุมไฟให้สว่างๆอยู่ตลอดเวลา...ทันใดนั้น...ในหูก็ได้ยินเสีนงบทสวดมนต์ลอยมากับลม..."ใครสวดมนต์อ่ะพ่อ"ผมถามพ่อ...ทุกคนเงียบ!!!ไม่มีใครตอบ..มีแต่หยิบปืนมาถือไว้...อยู่ๆบนกระท่อมร้างก็มีแสงไฟจากตะเกียงสว่างวาบขึ้นมา...ทุกคนลุกขึ้นยืนหันไปทางกระท่อม..เสียงตะกุกตะกักเหมือนมีใครเดิน..."ไปดูกันไหม"น้านพพูดขึ้น..พวกเราเช็คกระสุนปืนแล้วเดินไปดูกัน...บรรยากาศเงียบสนิท...พอเข้าใกล้กระท่อมก็ได้ยินเสียงไอออกมา..แค๊กๆๆๆแค๊กๆๆๆ..เป็นเสียงไอแบบแห้งๆๆๆ....ใครกันแน่อยู่ด้านบน...เราเดินมาจนถึงกระท่อมส่องไฟไปบนกระท่อมซึ่งฝาบ้านนั่นหลุดออกหมดแล้ว..ยังคงเป็นกระท่อมโล่งๆ...ด้านบนเป็นเงาคนสีดำๆนอนไออยู่...เสียงแค๊กๆๆๆ..แค๊กๆๆๆๆ...ดังหนักขึ้น.."ใครว่ะ!!เดียวยิงหัวขาดเลย"ลุงวีตะคอกขึ้นมา...ทันใดนั้น..ร่างๆดำนั้นก็กระโดดขวับ!!ขึ้นมานั่งยอง...ตาแดงเป็นไฟ..."ไม่กลัวผีเหรอ..อิอิออิอิ"ร่างนั้นพูดแล้วหัวเราะ..ก่อนกระโดดหายไปในความมืด...ผมตกใจจนฉี่ราด..ผีจริงๆด้วย..ทุกคนก็ตกใจแต่พยายามส่องไฟดู..แต่ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว...เสียงสวดคาถาบาลียังคงดังระงม..เราจึงเดินกลับมา...ใส่ไฟให้แรงขึ้น...พอเรากลับมาถึงที่พัก..ก็ได้ยินเสียง..เคร้ง!!ๆ..ๆ..ๆ..ๆ..คล้ายเสียงตีเหล็ก...ดังมาจากฝั่งริมน้ำ..ตรงศาลพระภูมิกองกันอยู่..."อะไรอีกว่ะ"น้านพพูดขึ้นมา...พวกเราตัดสินใจเดินไปดูอีก...ไอ้บุญมีเดินตามทำท่ากล้าๆกลัวๆ...เราค่อยๆเดินไปเพราะระยะมันไม่ไกลมาก..เราส่องไฟฝ่าแนวหญ้า..ไปหยุดที่กอศาลพระภูมินั้น...สิ่งที่เห็นคือ..เงาดำๆที่เราเจอเมื่อกี้กำลังก้ม..ใช้ค้อนทุบพร้าอยู่...คือเหมือนกับว่ากำลังตีเหล็กอยู่...ผมขนลุกเกรียวทันที..."พี่เขียว!!"เสียงลุงวีตะโกนออกไป.."ทำไมไม่ไปผุดไปเกิด"ลุงวีพูดต่อ..ลุงเขียวเหรอ...ผีนี่หว่า....เราคุยกับผีด้วย!!!...เงาดำนั้นหันขวับมาพร้อมร้องไห้ครวญคราง..ฮืออออฮืออออฮืออออออ!!!..."กูไปไม่ได้...กูไปไม่ได"เงานั้นตอบกลับมา..."ช่วยกูด้วย..ช่วยกูด้วย"เงานั้นร้องเรียกพวกเราก็จะกระโดดลงน้ำดังตูม!!...."ขึ้นเปลดีกว่าไป!"พ่อยอก..ทุกคนเห็นด้วย...แต่พอเราหันหลังกลับมาเท่านั้นแหละ....ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังสนั่นป่า...เสียงสวดมนต์หายไป!!...เสียงกลองเสียงปี่เข้ามาแทน...เราค่อยๆถอยหลังกลับมา...ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง...ปรากฏร่างของผู้หญิงแต่งชุดไทยเดินออกมาจากกองศาลพระภูมิจำนวนมาก..ส่งเสียงหัวเราะดังหวั่นไหวไปหมด...พวกเราถอยมาจนถึงที่พัก..บัดนี้ร่างของหญิงชุดไทยเดินล้อมเรามาเป็นวงกลม..เสียงหัวเราะ..ฮ่าๆๆๆๆฮ่าๆๆๆๆฮ่าๆๆๆๆฮ่าๆๆๆๆดังกึกก้องทั่วบริเวณ..."ขึ้นเปลๆๆเร็ว"ลุงวีบอกทุกคน...แต่!!!..บนเปลกลับมีหญิงชุดไทยนั่งห้อยขาอยู่..รวมทั้งนั่งที่ห้างของบุญมีด้วย...หญิงชุดไทยเดินใกล้เข้ามา..บุญมีขาสั่นจนฉี่ราด...ผมเองก็ไม่ต่างอะไรกับบุญมี...หญิงชุดไทยเข้าใกล้มาจนจะถึงเราแล้ว..แต่อยู่รอบๆกองไฟ..เหมือนไม่กล้าฝ่ากองไฟเข้ามา..."ใส่ไฟๆๆให้แรงอีกๆๆ"พ่อตะโกนสั่งบอกทุกคน..เราช่วยกันสุมไฟแรงขึ้นๆๆ...หญิงชุดไทยร่ายรำเป็นวงกลมล้อมเราไว้..ปากยิ้มแสยะ..แววตาดุร้าย...เสียงกลองเสียงปี่ดังลั่นหนักขึ้นๆๆๆ..."โธ่!!ไอ้ผีบ้า"น้านพโมโหจัด..หยิบปืนลูกซองลุงวีที่พิงไว้..เพราะลุงวีต้องสับไม้ฟืนแบ่งไปใส่ไฟ...น้านพหยิบลูกซองขึ้นมา..."นพอย่ายิง!!"พ่อตะโกนบอก...แต่ไม่ทันละ..น้านพกดลูกยาวออกไปยังหญิงชุดไทย...ปัง!!!!!....ลุกซองกระจุยกระจายเสียงแผดร้องก้องป่า...หญิงชุดไทยกรี๊ดดดดดดดดด...ก่อนจะชี้หน้าน้านพ...ปรากฏว่ารอบๆเรามีร่างหญิงชุดไทยออกมาอีกจำนวนมาก...แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...อยู่น้านพก็ล้มลงชักดิ้นชักงอ.."เห้ย!!นพเป็นอะไร"ทุกคนวิ่งมาทางน้านพ...น้านพไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้..ลุกขึ้นสะบัดแขน...น้ำลายฟูมปาก..ในตามีแต่ตาขาว..."ไอ้นพผีเข้า"ลุงเวชพูดออกมา....ก่อนที่น้านพจะวิ่งออกจากแนวกองไฟ..ตรงเข้าไปที่หญิงชุดไทยยืนอยู่...แล้วก็ไปร่ายรำ..หัวเราะชอบใจกลับหญิงนั่นด้วย.."อย่าออกไปๆๆ"ลุงวีห้ามพวกเราที่กำลังจะำปช่วยน้านพ...เราจึงช่วยกันสุมไฟกันต่อ...แต่เวลานี้ไม่ฟืนจะหมดแล้ว..."ไม้ฟืนจะหมดแล้วเอาไงดีพี่วี"พ่อตะโกนบอก...สถานการณ์ขับคันอย่างหนัก..น้านพก็ไม่ได้สติกลับมา...ไม้ฟืนหมดแล้ว!!...ไฟบางกองก็เริ่มมอด..และดับลง..ความมืดเริ่มมาเยือน..เหลือไฟแค่1-2กองแล้ว...หญิงชุดไทยเริ่มมองมาทางเรา...แววตาหมายจะปลิดชีวิตเราให้หมดสิ้น..."ถ้าจำเป็นก็ยิง..ถ้ามันเข้าใกล้ก็ยิง"ลุงวีบอกพ่อ...พร้อมล้วงธูปเทียนหมากพลูและขวดเหล้าออกมา...ปูผ้าขาวม้าลงบนพื้นแล้ววางของทั้งหมดลง..ลงวีเทเหล้าลงบนพื้นนิดนึง...ก่อนจะท่องขอขมาต่อเจ้าที่..และบนบานว่าถ้าออกจากบางพร้าได้จะบวชอุทิศส่วนกุศลให้ผีทุกตนและดวงวิญญาณทุกดวง... *** ***ในที่สุดกองไฟทั้งหมดก็ดับลง***หญิงชุดไทยและน้านพหันมาทางเรา..แลบลิ้นออกมาลูบกับริมฝีปาก..ทางท่าสยดสยองยิ่งนัก..ก่อนที่มันจะเดินมาทางเรา..."ยิง!!"ลุงวีตะโกนสั่ง..พวกเราระดมยิงออกไป..แต่ระวังไม่ยิงไปทางน้านพ..ปัง..ปัง..ปัง..ปัง..เสียงปืนระดมยิงออก...แต่ยิ่งยิงเท่าไหร่ก็ยิ่งมีผีชุดไทยมากขึ้นเท่านั้น...บนกระท่อมร้างก็ปรากฎเงาดำๆยืนตีเหล็กดังเคร้งๆๆๆ...ในน้ำก็ได้ยินเสียงอะไรตีน้ำดังตูม..ตูม..ตูมม..ทันใดก็ปรากฏเงาจระเข้หลายสิบตัวโผล่จากน้ำอีกครั้งเหมือนที่วังเวียนไม่มีผิด..."ตายแน่เรา"พ่อหันมาพูดพร้อมบอกให้ผมกำสร้อยพระให้แน่น...สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น..เมื่อน้านพเดินไปแล้วเอาศีรษะโขกกับต้นไม้.."ไอ้นพ!!หยุดๆๆ"พวกเราตะโกนออกไปให้น้านพหยุดแต่ไม่ได้ผล...ทุกอย่างกำลังเคลื่อนเข้าหาเรา... ... ...แต่แล้ว...ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...สิ่งที่ผมต้องจดจำไปตลอดชีวิตก็ปรากฏ...เมื่ออยู่ๆ..เจ้านกเขา12กุกมันก็ขันขึ้นมา...เสียงขันของมันทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก...อยู่ๆ..ในเวลานั้นดวงจันทร์อยู่ตรงหัวพวกเราพอดี..ปรากฏมีแสงระยิบระยับออกมาจากกรงที่เราใส่นกเขาป่าเอาไว้..."พวกมนุษย์จอมโลภจะไม่ช่วยก็ใจดำเกินไป"..เสียงใครก็ไม่รู้ลอยมากับลม..แต่เสียงนั้นทำให้เหล่าผีหยุดและหันไปรอบๆมองหาที่มาของเสียง..และเหมือนว่าพวกชุดไทยจะกลัว...น้านพเงยหน้าขึ้นดูเหมือนกัน..แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด...ทันในนั้น..นกเขาป่าในกรงก็หลุดออกจนหมด...บินกันว่อนแล้วหายไปในความมืด...ยังคงเหลือเพียงแค่นกเขา12กุก..ที่กางปีกบินวนๆไปมา.... ...บัดนี้ปีกของมันสะท้อนกับแสงจันทร์ในคืน15ค่ำ..แสงที่ปีกมันระยิบระยับเป็นประกายเหมือนอัญมณีที่โดนแสงดูสวยงามยิ่งนัก...ผมเงยหน้าขึ้นดู...มันอะไรกัน!!!...ทำไมปีกนกเขามีไฟระยิบระยับแบบนั้น...มีอะไรอีก...มีอะไรที่ผมไม่รู้...และผมต้องการจะรู้....ประกายไฟที่ระยิบระยับจากปีกนกเขาค่อยๆลอยหล่นลงมาเบื้องหน้า...หญิงชุดไทยตกใจกลัวและล่าถอยลงไปในกองศาลพระภูมิ...เหล่าจระเข้ค่อยๆถอยลงไปในน้ำ...น้านพค่อยๆนั่งลงเหมือนคนอ่อนแรง..."มันนกเขาอะไรกันพี่วี"พ่อถาม..ผมเองก็อยากรู้...นกเขาตัวนั้นยังคงบินว่อนกางปีกแผ่ประกายไฟลงเบื้องล่าง..เหมือนเป็นการไล่ผีสางพวกนั้นไปให้พ้น..."กูก็ยังไม่เคยเห็น"ลุงวีบอก.."แต่ลักษณะมันคล้ายๆกับที่ปู่และพ่อกูเคยบอก"ลุงวีพูดต่อ...ปู่และพ่อลุงวีเคยบอกอะไรเหรอ...ขนาดลุงวีแก่ขนาดนี้แล้วปู่ลุงวีจะแก่ขนาดไหน..เค้ามีเรื่องอะไรบอกต่อกันมา..."บอกอะไรพี่วี"พ่อถามต่อ...ลุงวียืนอ้าปากนิ่ง...ซักพัก...ก็ใช้ให้พ่อดูนกเขาตัวนั้น!!!..."นกเขานั่นอ้าปากรับแสงจันทร์"ลุงวีพูดพร้อมชี้ให้เราดู..."ใช่แล้ว...คือมันแน่ๆ..ใช่มันแน่นอน"ลุงวีพูดเสียงสั่น.."คืออะไรกันแน่พี่วี"พ่อถามต่อ...ลุงวียืนนิ่งๆ...ก่อนจะยิ้มแล้วตอบออกมาว่า...มันคือ......... * * * * * *..."นกจโกระ!!!"...นกเขาไฟตามตำนานคำเล่าขานของคนต่อนกสมัยก่อนนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น